ขอบคุณภาพจากเน็ตเสียงกลองกระทุ้ง จังหวะฉิ่งระรัวคู่ เสนาะสนั่นจิต
กลิ่น หอมกลิ่นข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียน อบอวลหอม
โปรยบนพื้นลานกว้างหลากสี สงบนิ่ง
ปลายนิ้วเธอจีบ วาดกวัดไกว กลางอากาศละเอียด
เท้าเธอจีบเยื้องย่าง เคลื่อนค่อย ยักย้อนย้ายงาม
ภวังค์ภาวะ ลดโศลก เหนือทุกข์
เธอรู้สุข ปล่อยสุข สุดโศลกห้วงหัวใจ สุดโศลก
เหลือเพียงเนื้องานงามไร้ตัวตน อภาวะ ภวังค์ใด
ท่านผู้รู้ บาปบุญ คุณโทษ
ผู้พร้อมบริสุทธิ์ระเบงรำนาฏศาสตร์
รสภาวะกิริยา สุขโศลก ระเริงฟ้อน
เธอผู้ประดับประดาอาภรณ์ ความอ่อนช้อย ด้วยท่าที
ความรักเนรมิต มีเดชคุณค่าดึงดูดใจหาใจ
อสูรกายในห้วงเวหาแห่งทุกข์ มักร้อนรน
ยามฤดูกาล เทวดา และหมู่มารรบฆ่ากัน
ดินให้เกิด น้ำให้ชุ่มเย็น ฟ้าให้อากาศ ฤ. พ่อ
ยักษ์ภูต ปีศาจมีกำลังเหลือประมาณ แฮ.
เธอร่ายรำระเบงฟ้อน ปลดเปลื้องมหาโศลก
ทั้งฟ้อนเทียน ระบำโปรยโรยดอกมะลิหอม
ควงกระบี่กระบอง รักษาห้วงฤดีสมดุลกมล
เรารักโกรธเกลียดชังนับร้อยร้อยปี ทุกชนชั้นชอกช้ำยับยี
นางนาฏศาสตร์ เจริญธรรม งดงาม ความดี ความถูกต้องถวายแด่เธอ
แสดงละครอสูร พระราชา กุฏมพี พรหมฤษี เทวดา
คือสิ่งทุกคนรู้ เธอยกนิ้ววันทา กลางอากาศดาราจักร
ท่านผู้รู้ บาปบุญ คุณโทษ
ละครขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก
หลากรสสุนทรีย์ ทุกสารทิศรู้ซึ้งว่าเศร้า
นางนาฏยศาสตร์ร่ายรำปลดเปลื้องโศลก จงสดับฟัง
เธอแสดงต่อหน้าดอนฆิโม้เต้หมดหัวใจ สะท้านทุกข์หมดเนื้อใจ
เธอระเบงเซิ้งปลายเท้าหายไปคล้ายดังเม็ดฝน
เธอผู้เปี่ยมปัญญาดูละครย้อนสอนใจ ดีจึงดี แล้วดีเป็นดี
เธอระเบงเซิ้งปลายเท้าจางหายไปดังสายลม

