ศุภชัย สุริยุทธ

จำไว้ว่า ฉันยืนข้าง ดอกบัวดิน

Wednesday, May 06, 2009

ก่อนกลิ่นนั้นจากหาย

ขอบคุณภาพจากเน็ต


ก่อนดอกกลิ่นดอกกำจายสะลายในดงจิต
ก่อนที่กลีบดอกจะเหี่ยวโรย สงบพบแผ่นดิน
ฉันพึงสังวรระวังคำแห่งความรัก จากกวีไกล
ฉันขอเขียนคำใดใด จากถอยความห้วงลึกภวังค์งาม

เขาสร้างให้ฉัน เป็นกวี
แต่ดินแดนพิภพ นั้นกลับทำให้ฉันด้อยค่า
อาจเป็นเพราะฉัน ไร้ตัวตน เฉกเช่นอาวกาศจักรขว้าง

ก่อนกลิ่นเจ้าดอกสเลเต จะเหือดหาย
ฉันขอสาบเจ้าไว้ดังเช่นความหอมภวังค์ของจิตกวี
ผู้ทระนงตัวตนเฉกเช่น ความหอมกลิ่นเจ้าดอกสเลเต ทุกเช้าค่ำ

ฉันจะพึงสังวรระวังคำแห่งความรัก จากกวีไกล
ฉันขอเขียนคำ คำใดใด จงถอดถ้อยความห้วงลึกภวังค์งาม
ฉันเรียนรู้จากโลก โลกที่แสนสุดสงสาร
โลกที่โลกสอนสั่ง โลกคือโลกมอบกายแด่ฉัน

เขาสร้างให้ฉัน เป็นกวี
แต่ดินแดนพิภพ นั้นกลับทำให้ฉันด้อยค่า เพราะความเขลา
อาจเป็นเพราะฉัน ไร้ตัวตน เฉกเช่นอาวกาศจักรขว้าง ผู้อ้างว้าง

ก่อนกลิ่นเจ้าดอกสเลเต จะเหือดหาย
ฉันขอสาบเจ้าไว้ดังเช่นความหอมภวังค์ของจิตกวี
ผู้ทรนงตัวตนเฉกเช่นความกลิ่นเจ้าดอกสเลเต ทุกเช้าค่ำ

เจ้าจงจดจำดีกวี เจ้าจงสร้างพ้นเกิดงานงามคู่ดอกสเลเต
ผู้ปลดเปลื้องกลิ่นโศลกอับเฉา จากหัวใจกวี เป็นกวีเถิดเจ้าข้า
ต้น บัวดิน

Friday, April 03, 2009

บทกวี : ชื่อ ; ต้นบัวดินเขียนนางนาฎยศาสตร์ระเบงฟ้อนดีบริสุทธิ์

ขอบคุณภาพจากเน็ต

เสียงกลองกระทุ้ง จังหวะฉิ่งระรัวคู่ เสนาะสนั่นจิต
กลิ่น หอมกลิ่นข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียน อบอวลหอม
โปรยบนพื้นลานกว้างหลากสี สงบนิ่ง
ปลายนิ้วเธอจีบ วาดกวัดไกว กลางอากาศละเอียด

เท้าเธอจีบเยื้องย่าง เคลื่อนค่อย ยักย้อนย้ายงาม
ภวังค์ภาวะ ลดโศลก เหนือทุกข์
เธอรู้สุข ปล่อยสุข สุดโศลกห้วงหัวใจ สุดโศลก
เหลือเพียงเนื้องานงามไร้ตัวตน อภาวะ ภวังค์ใด

ท่านผู้รู้ บาปบุญ คุณโทษ
ผู้พร้อมบริสุทธิ์ระเบงรำนาฏศาสตร์
รสภาวะกิริยา สุขโศลก ระเริงฟ้อน
เธอผู้ประดับประดาอาภรณ์ ความอ่อนช้อย ด้วยท่าที

ความรักเนรมิต มีเดชคุณค่าดึงดูดใจหาใจ
อสูรกายในห้วงเวหาแห่งทุกข์ มักร้อนรน
ยามฤดูกาล เทวดา และหมู่มารรบฆ่ากัน
ดินให้เกิด น้ำให้ชุ่มเย็น ฟ้าให้อากาศ ฤ. พ่อ

ยักษ์ภูต ปีศาจมีกำลังเหลือประมาณ แฮ.
เธอร่ายรำระเบงฟ้อน ปลดเปลื้องมหาโศลก
ทั้งฟ้อนเทียน ระบำโปรยโรยดอกมะลิหอม
ควงกระบี่กระบอง รักษาห้วงฤดีสมดุลกมล

เรารักโกรธเกลียดชังนับร้อยร้อยปี ทุกชนชั้นชอกช้ำยับยี
นางนาฏศาสตร์ เจริญธรรม งดงาม ความดี ความถูกต้องถวายแด่เธอ
แสดงละครอสูร พระราชา กุฏมพี พรหมฤษี เทวดา
คือสิ่งทุกคนรู้ เธอยกนิ้ววันทา กลางอากาศดาราจักร

ท่านผู้รู้ บาปบุญ คุณโทษ
ละครขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก
หลากรสสุนทรีย์ ทุกสารทิศรู้ซึ้งว่าเศร้า
นางนาฏยศาสตร์ร่ายรำปลดเปลื้องโศลก จงสดับฟัง

เธอแสดงต่อหน้าดอนฆิโม้เต้หมดหัวใจ สะท้านทุกข์หมดเนื้อใจ
เธอระเบงเซิ้งปลายเท้าหายไปคล้ายดังเม็ดฝน
เธอผู้เปี่ยมปัญญาดูละครย้อนสอนใจ ดีจึงดี แล้วดีเป็นดี
เธอระเบงเซิ้งปลายเท้าจางหายไปดังสายลม

Friday, February 13, 2009

เนื่องจาก

Old Style Bicycle 28 (TR-007)




รถจักรยาน บนถนน เคลื่อนช้า สลับการเคลื่อนไหวสิ่งอื่น
การเคลื่อนไหวสิ่งนั้นเคลื่อนไปข้างหน้า เต็มไปด้วยสีสัน ชีวา

จักรยานโบราณ ในตะกล้าหวาย เต็มไปด้วยดอกไม้สด
แต่ตอนนี้มันแห้งเต็มตะกร้านั้น ชายผมยาวรุงรัง
เต็มไปด้วยหนวดเครา พุดออกมามิเว้นวันว่าง

ร่างนั้นสถิตบนรถและมีเพียงสายลมแห่งความเศร้า
หิ้วปลีกทั้งข้าง ทะยานไปข้างดังฝูงนกอินทรีย์ เร่ร่อน
เหลือเพียงสายลมแห่งความเศร้า โจมร่างเข้าไปในสวนสายลม

กาลครั้งนั้น ยังจดแม่นแม้นเวลาผ่านเลยไกล มิอาจเลือน
เด็กหนุ่มริมถนนสายฝนที่โปรยปราย แต่ทว่าน้ำนั้นท่วมโลก
ถ้อยคำสั้นๆ ไม่มีประโยค ไม่มีประธาน ไม่มีกรรม ถ้อยคำสั้นๆ

วันนั้น ตลาด แม่ค้า ขายดอกกุหลาบและข้าวหลาม อาหารแห้ง
ความทรงจำที่พร่ามัว คำพูดเจรจาไม่เป็นถ้อยเป็นคำ ไม่รู้เรื่อง
ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกจากลำคอ มันหายไปในทะเลลึกอันกว้างใหญ่

มันมืด ความทรงจำไม่ปะติดปะต่อ รู้อย่างเดียว ต้องกลับบ้าน
บ้าน บ้าน 58/9 อิสรภาพ บ้าน บ้าน 58/9 อิสรภาพ 35 บ้าน บ้าน
ทรงจำได้อย่างเดียวบ้าน น้ำ และน้ำฝนมันช่างขัดแย้ง เย็นนอก ร้อนใน

ระหว่างนั้น ก็สิ้นสุด ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีความฝันในฝันอีกต่อไป
คือวันวานมีอดีต ในอดีต คงอดีต มิหาย ไม่ขาดไป
เด็กชายข้างถนนริมฝีปากบิดเบี้ยว ในตามีน้ำตาท่วมอดีต

..............................รัก.....................................................
........................................รัก...........................................
......................................................รัก.............................
..................................................................รัก.................
..............................................................................รัก......

เด็กชายเดินร้องให้ข้างถนน ในวันวาเลนไทน์
รถจักรยานโบราณเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า ฉันรู้ดี
ซาบซึ้งดี มันคือสิ่งที่สวยงาม มันงดงาม เหลือบรรยาย

เราทั้งสองแยกทาง และเราก็สวนทางกัน เหมือนอดีต
เหมือนกัน ความทรงจำในอดีต ก็ปรากฏ
สรวงสวรรค์ อักเศษที่ท้ายถอย ช่างมันเถอะ

ฉันรู้ดีมันไม่เกี่ยวสิ่งใด ฉันก็กลับบ้าน

ต้น บัวดิน

Wednesday, February 04, 2009

ฝัน

ภาพจาก : ionoi

ตลอดกลางวัน และหยันถึงค่ำคืน
ค้นคว้า ค้นหา การอยู่ จะอยู่อย่างไร
มันยังอ่อนไหวสุดจะบรรยาย ดั่งคล้ายพระจันทร์
ทว่ามันทอทอดแสงสายน้ำตา ไร้เหตุผล
ระหว่างนั้น มันแข็งเกิน กลัวเกล้า ยิ่งกว่าพระอาทิตย์
ทว่ามันดุดัน คลื่นเคลง บทเพลงอันแจ่มจ้า
ตาซ้ายเป็นพระจันทร์ อีกทั้งตาขวาดุจดั่งพระอาทิตย์

.
ฝัน ฝัน ทำไมถึงฝัน ไร้ฝัน
หรือว่าบทเพลงนั้น กลืนกินจินตนาการของเธอ
ทั้งที่เธอไม่มีความฝัน เธอไม่รู้ความฝัน
ไล่ล่าหาฝันทั้งๆ ไม่รู้ ฝันนั้นเป็นอย่างไร
เธอจึงหมดฝัน ทั้งๆ ที่รู้ฝันนั้นมอดดับดำ
ฝันขณะตื่น ตื่นขณะฝัน มิต่างดอกสหาย
ยิ้มพร้อมฝัน ฝันพร้อมยิ้ม ทั้งรู้ว่ามันแสนไกล
ฝันในน้ำตา น้ำตาในฝันสุข เนื่องทราบซาบทุกข์

.
ตลอดกลางวันฝันถึง ตลอดกลางคืนฝันหา
ค้นหาไล่ล่า พึงพาฝัน ดังดวงจันทร์ พระอาทิตย์
ที่สุดจะบรรยาย แม้นไกล ไร้เหตุผล
น้ำตาร่วงรินที่แถบตาซ้าย ทอดทอพร้อมแสงจันทร์
พานพบพลังแข็งเกล้าสาดส่องใยพระอาทิตย์
ฉันยิ้มพร้อมฝัน ฉันจะฝันในน้ำตาแม้นมิใกล้
เธอหมดฝัน หรือฝันหมด เธอจึงหมดฝัน
.
ต้น บัวดิน

Monday, October 20, 2008

นกเขา เข-ม-ร ขัน

ขอบคุณภาพจากเน็ต




ระมัดระวัง สงบดี สงบได้

น่าติชม ความสนใจ

ที่แย่งแบ่งความสนใจ

ออกจากก้อนเค้ก

ระหว่าง หนู กับหนู

แต่ ทว่า พ่อไก่โต้ง

ขันกระโตก ปลุกมนุษย์

ด่าสาบแช่ง ด่ากัน

เพื่อเขาเหล่านั้นขำขัน ได้เบิกบาน

ความชั่ว ดอกไม้นิยม

เลี้ยงกันในหมู่มนุษย์

ผู้อยากจนความดี



ต้น บัวดิน 51

ตาย

ขอบคุณภาพจากเน็ต
ดอกไม้ในแสงแดดร้อน

กลิ่นมันหอมระเหิดหมดเนื้อใจ

ฟ้าระเบิด แดงเฉือดฉานกลิ่นคาวเนื้อเลือด

ชาติไทยร้องเพลง ชาติกันไม่เข้าใจ

ตรงนี้ดิน ตรงนี้บรรพบุรุษเราเกิด

ตรงนี้ทางใช้เดิน ระหว่างนี้ไม่มีอะไร

นอกจากคำว่าเมตตาต่อ สรรพสัตว์ที่สิงสถิต

ที่สิงสถิตมหาจักวานจิตใจที่เศร้าหมอง

ลมพัดผ่านข้ามทุ่งนรกไปจนถึงสวรรค์ทุกชั้น

หอบพาบทกวีของฉันไป ปลูกไว้ ณ พื้นดินที่อุดมผู้คน จะได้ใหม

ฉันปลูก ต้น บัวดิน เบิกบานกลางผู้คน ที่มืดหม่น ช่างทมทุกข์จมฟ้าดิน

ฉันจะเขียนคำง่าย และ ไม่จำเป็น จดจำฉันในฐานะอะไรหรอก ไม่จำเป็น

อาจจะไม่ใช่กวีคำล้างผาน ระเบิดแข้งขากัน ไม่มีระเบิด ไม่มีพวกพรรคใด

ฟัง มา ฟัง เสียงงดงาม มันไม่ได้มาจากท้องฟ้า นภาห้องจินตนาการมารใด

เธอฟังไม่ออก หรือ มองไม่ได้ยิน ที่รัก โลกมันโศกสักแค่ใหน

เหตุอันใดเจ้าดวงใจถึงห้าวหาญเข็ญฆ่ากัน ใยจึงหรอกลวงกัน

หรือเหตุว่า คือสิ่งที่ต้องกระทำ จึงบรรเลงบทเพลงมหรรณพแห่งท่วงทุกระทมกันเพียงนี้

หรือว่า ดอกไม้งอกในแสงแดดจึงเก็บเกี่ยวชั่วแห่งทุกประดาห่วงหัวใจ

เธอบันเทิงดีดดิ้นระบำต่อสู้กันทุกภพชาติไป เหตุไฉนสันติจึงอับเฉา

หากสายขาด พิณจะบรรเลงได้อย่างไร้กัน เพื่อนรัก

ฉันมองเห็นเปลวแดดร้อนเป็นดอกไม้

กลิ่นหอมมันหยดหมดเนื้อใจ

หมดหยดสุดท้าย

คือจริง
เรา
ตาย


ต้น บัวดิน 51

Monday, June 02, 2008

นีคือบ้าน เข้าใจไหม



บ้าน นี้คือบ้าน เข้าใจไหม

58/9 โลก ดาราจักร ทุกภิภพมหาไพศาล

ซอยเล็กๆ ทางเข้าบ้าน มนุษย์ใช้สัญจร

ตรงนี้ที่ฉันนอน ยืน นั่ง และทำงาน ดื่มกิน หอมเจ้าหญิง

เก้าอี้ โต๊ะไม้ กว้าง ยาวใหญ่ ขึงตรึงพึงพืดด้วยลวดเหล็ก

หนังสือบรรจุห้องสมุคทั่วโลก ทุกศาสตรา

แต่ฉันเลือกปลูกเฉพาะต้น บัวดิน

แล้วเชื่อมโลก อยู่รวมกัน สงบเถิดสันติ

ที่ตรงนี้ที่ฉันนั่ง และเพื่อนของฉัน

ปากกา ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด

สีน้ำ หวี กรรไกร ตะเกียบ

ซิมโฟนีทุกยุค ประชุมกันบนโต๊ะ ฉัน

ยาหอม กล่องใส่แว่น กระดาษทิชชู

ขวดนำพลาสสติก เขียนคำว่าฟูจิ

ตะลับไพ่ ไฟฉาย ช้นซ่อม นาฬิกาตาย

ถังขยะกระดาษ ม้าไม้ประดิษฐ์ มีหนังสีบอล

กระดาษนก ดอกกุหลาบแห้งตาย เมื่อหลายปี

ฉันปลูดอกพุทธรักษาขึ้นแทน และดอกบัวดิน

เศษสตางค์ บทกวี เรื่องสั้น กระดาษเศษงานประพันธ์เพลงบทใหญ่

คอมพิวเตอร์ ลำโพง มีดคัดเตอร์ ที่เย็บกระดาษ

นามบัตรไร้การติดต่อ น้ำหอม ปลอกข้อมือ
ช้อนพลาสสติกเตรียมทิ้งไร้ค่า กระดาษกาว

ตั๋วรถเมล์ ไม้จิ๋มฟัน โปรสการ์ด
(โปรดอย่าตอบกลับ เธอไม่จำเป็นต้องตอบกลับ)

จดหมายฉบับสุดท้าย (ปิดผนึกลงแล้ว)

ใบจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ คริปหนีบกระดาษ

เส้นผม ละอองฝุ่นทุกเม็ด และเศษสีที่เปลื้อนโต๊ะ

แก้วกาแฟ หลอดไฟ และแสงสว่าง

เข็มและด้ายเย็บผ้า ลูกแม็กซ์เย็บกระดาษ

ยาพารา ปากาไวบอร์ด กล่องดินสอ

ผ้าเช็ดหน้า สมุดบันทึก สายลม ความคิดและเสียงที่รัก

โต๊ะของฉัน และเหล่านั้นคือเพื่อนฉัน
ฉันและเขาตายแทนกันได้ ฉันรักเธอ

เข้าใจไหม บ้าน นี้ คือบ้าน
มหาไพศาล ดาราจักร โลก 58/9

ฉันนั่งที่โต๊ะทำงาน 58/9 29-05-51 12.00 น

ต้น บัวดิน

Thursday, May 29, 2008

ตัดหางกวีปล่อยวัด




ขอบคุณภาพจากเน็ต
ตัดหางกวีปล่อยวัด

ตัดการติดต่อ ระหว่างเขากับศาสตรา

ตัดการเชื่อมโยง สุนทรียศาสตร์ ออกจากกวี

ยึดกระดาษทุกแผ่น เผ่าหมึกดินสอทุกแท่ง

ปล่อยให้พูดปราศจากเสียง

ปล่อยให้มองโดยไร้สีและภาพลักษณ์

เลิกติดต่อทั้ง มนุษย์ นรกแลสวรรค์

ไร้สาระและไร้ประโยชน์ มนุษย์

ไม่ต้องฆ่าแกงกันหรอก เขาตายเอง

แต่กวีตายไม่กลับมาเกิด ทุกชาติไป
เพราะทราบดี ความงามที่แท้จริง

จึงปรากฏ

ตัดหางกวีปล่อยวัด
ต้น บัวดิน