จำไว้ว่า ฉันยืนข้าง ดอกบัวดิน

Thursday, May 29, 2008

ตัดหางกวีปล่อยวัด




ขอบคุณภาพจากเน็ต
ตัดหางกวีปล่อยวัด

ตัดการติดต่อ ระหว่างเขากับศาสตรา

ตัดการเชื่อมโยง สุนทรียศาสตร์ ออกจากกวี

ยึดกระดาษทุกแผ่น เผ่าหมึกดินสอทุกแท่ง

ปล่อยให้พูดปราศจากเสียง

ปล่อยให้มองโดยไร้สีและภาพลักษณ์

เลิกติดต่อทั้ง มนุษย์ นรกแลสวรรค์

ไร้สาระและไร้ประโยชน์ มนุษย์

ไม่ต้องฆ่าแกงกันหรอก เขาตายเอง

แต่กวีตายไม่กลับมาเกิด ทุกชาติไป
เพราะทราบดี ความงามที่แท้จริง

จึงปรากฏ

ตัดหางกวีปล่อยวัด
ต้น บัวดิน

Monday, May 26, 2008

เจริญลงใจ





















เจริญลงใจ
มิอาจปล่อยสังคมลงต่ำ

ดาราคติ มิสิ้นสุดเลย
รั้งแต่จะแปรไกลไกวมา

แม้นกาลอันใด
เธอก็ปรากฏอยู่เช่นเคย

ดวงฤดีแห่งความชั่วเดินขนานความดี คู่กัน
เธอทั้งสองสถิตในร่ายใจข้า

เมื่อไหร่เธอจะแต่งงานกัน
เมื่อไหร่เธอจะรู้จักความรัก

หรือว่า เธอ ต้องคำสาบนั้นอยู่ร่ำไร
นวนิยายบรรจุ แต่เรื่องอุดรโลก

เธอคือผู้ชดใช้ มนุษย์เพื่อนรัก



ต้น บัวดิน

Thursday, May 15, 2008

ประวัติศาสตร์ดนตรีตะวันตก



หลังจากสงครามระหว่างกรีก โรมัน แล้ว อาณาจักรโรมันก็ล่มสลายตัว ความสับสนวุ่นวายวังเวง ความเสื่อม ทางปัญญา ศิลธรรม ก็มากขึ้น ขณะเดียวกันได้มีวัฒนธรรมยุโรปสมัยกลางได้ปรากฏตัวเผยโฉมตนเองมากขึ้น ซึ่งวัฒนธรรมนี้เกิดจากอารยธรรมคลาสสิกกรีกโรมัน ตลอดจนกระทั้งวัฒนธรรมเผ่าเยอรมัน และวัฒนธรรมคริสต์ศาสนาดำเนินเพิ่มขึ้นมา


ค.ศ 5-10 เป็นระยะเริ่มต้น เป็นยุคที่มีความยุ่งเหยิงยุ่งยาก สืบเนื่องจากกรุงโรมถูกทำลาย (ยุคมืด; Dark Ages) จุดนี้คือพระศาสนาคริสต์เริ่มบทบาทมากขึ้น เกรเกอรีที่ 1 (Pope Gregory I ) พระสันตะปาปาองค์นี้เป็นนำและมีอำนาจ มีกำลังไพร่พล แลัความั่นคง ทั้งการเมืองและศาสนา จนกระทั้งถึงสันตะปาปาจอห์นที่ 12 ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นจักรวรรดิโรมันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire) และเชื่อมอำนาจระหว่างเยอรมันและอิตาลีให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนับเป็นหลายศตวรรษ


ค..ศ. 100-1400) ในระยะที่สอง (ศ.11) ระยะนี้ได้แบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออก-ตะวันตก อีกครั้ง และแบ่งแยกศาสนาออกเป็นนิกายต่างๆ อันเนื่องจากอาณาจักรโรมันเสื่อมสลายทางอำนาจ


ยุโรปตะวันตก


ยุโรปตะวันตก มีความเจริญรุ่งเรือง โดยมีการศึกาาเป็นแกนที่สำคัญ เริ่อมจากวิชาว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับโลก แต่พอหลังจากนั้นได้มีการศึกษาวิชาการต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเช่น แพทยศาสตร์ กฏหมาย ดนตรี วรรณกรรม สถาปัตยกรรมเป็นต้น จึงได้เกิดระบบการเรียนรู้แบบมหาวิทยาลัยเกิดขึ้น และในจุดนี้ได้มีการแปลวรรณกรรม กรีกและอาหรับเกิดขึ้นเป็ฯครั้งแรกด้วยเช่นกัน
ศ. 12-13 เกิดสงครามครูเสด(1096-1270) ปัญญาแย่งกันเป็นใหญ่ระหว่างศาสนาจักรและจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งกษัตริย์ ขุนนาง ได้กระทำต่อพวกเตอร์กที่นับถืออิสลามในซีเรียและปาเลสไตน์


เกิดการสร้างโบสถ์แบบโกธิค (Gothic) รูปทรงแหลมสูงสง่างาม มีบทประพันธ์เพลง บทกวีของขุนนาง เกิดระบบศักดินา นับถือโดยโครมีที่ดินมาก ประชาชนให้ความเคารพจงรักภักดีต่อผู้ครองในดินแดนที่พวกตนอาศัยอยู่ ระบบนี้ได้พัฒนาเป็ฯการปกครองแบบระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชในสเปนและฝรั่งเศสในเวลาต่อมา


ศ. 14 สิ้นสุดจักวรรดิโรมันตะวันออกหรือใบเซนไตน
อย่างถาวร โดยการเสือมของระบบศักดินา ลัทธิมนุษยยิยม (Humanism) แยกรัฐออกจากวัด วิทยาศาสตร์ออกจากศาสนา (ศรัทธา) ในพระเจ้า


ดนตรีในยุคกลาง


ดนตรีที่เด่นชัดในยุคนี้ คือ ดนตรีวัด (Sacred Music)และ ดนตรีบ้าน (Secular Music)
ขอเริ่ม ดนตรีวัด คริสศาสนามีบทบาทมาก ซึ่งศูนกลางอยู่ที่กรุงโรม โดยพระสันตะปาปา (Pope) ชาวบ้าน มีทัศนคติต่อศาสนาจักร คือ เป็นที่พึ่งทางใจ และนำวิถีทางไปสู่โลกหน้าและมีขนบธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ คนจนสามารถเข้าถึงพระเจ้ามาได้มากกว่าคนมั่งมี ระยะนานเป็น 1,000 ปี ดังนั้นดนตรีที่มีอยู่ในโบสถ์ คือดนตรีที่มีความมั่นคงแข็งแกร่ง เป็นดนตรีสร้างเพื่อสรรญเสริญพระเจ้า ท่วงทำนองบทสวดเกิดจากการร้องสด ปฏิภาณ (Improvice)


และอำนาจหนึ่งที่มีอำนาจควบคู่มากับอำนาจศาสนาจักรคืออำนาจของศักดินา และมีดนตรีนอกศาสนา ดนตรีชาวบ้าน (Secular Music) ชาวบ้านเล่นดนตรีเพื่อรื่นเริง และตอบสนองแก่เหล่าบรรดาเจ้านายทั้งหลายแหล่ และที่พิเศษคือ มีผลต่อกวี และดนตรีเพื่อการเต้นรำด้วย
ต้น บัวดิน

Wednesday, May 07, 2008

คำเตือนจากกวี






ภาพจากเน็ต


จะขอตอนรับทุ่งดอกกระเจียวบาน
เฉกเช่นกวีมาเยี่ยมฉัน ต้น บัวดิน





มีแต่ความว่างเปล่า บนทางไร้สาระ
มีแต่ความทุกข์อยาก อันเกิดจากความว่างเปล่า





แดด ดิน น้ำ หิน แห้งโล่งโจ่งจริง ร้อนฉันจะอยู่ได้อย่างไร
ดอกกระเจียวดินผลิบาน เติบโตจากดิน





กวีขานเตือน ต้น บัวดิน ผู้อ่อนต่อโลกนัก
ดินที่กว้าวเดิน แดดที่อาบกาย อากาศที่หายใจ





สุนทรีย์แดนแห้งแล้ง คือความงาม ขันติธรรม
สุนทรีย์แดนชุ่มฉ่ำ คือความตาย ไร้สติ





แห้งแล้งและชุ่มฉ่ำ กวีท่านเตือนแค่ มายา
เสียง และภาพลักษณ์ ก็แค่มายา คำเตือนจากกวี





เธอประจักษ์ ร้อยยิ้ม ที่ไม่พูด
เธอรับรู้ความห่วงใย ไม่ต้องกล่าว





รักเหลือประมาณ ห่วงใยกัน กวีเยือน
ต้น บัวดิน อหังกาล สงบพบ กวีทุกค่ำคืน





ฉันยังยืนอยู่ ตรงที่ฉันยืนยันว่าจะยืน
แม้นน้ำ แสงแดด อากาศ อาหาร หมด





เธอจะยังคงมองเห็นฉันไม่อยากเย็นตรงที่เดิม
ความงาม ความจริง ถูกต้อง เปี่ยมเมตตา





ฉันขอถึงเธอผู้เหนือโลก กวี
ต้น บัวดิน ต้น บัวดิน ตื่น ! ตื่น ! กวีมาเยี่ยม






ต้น บัวดิน

Thursday, May 01, 2008

ปรุงรสเพื่อกวี


















ภาพจากเน็ต



ผมอยากทำอาหาร ให้เป็นบทกวี


ผมจะทำอาหารที่ดี เพื่อกวีจะได้อร่อยอาหารที่ปรุง


ผมจะปรุงมันง่าย แต่จะทำด้วยหัวใจ


ผมจะปรุงมันง่ายๆ พร้อมจิตใจที่สะอาดเลิศรสแห่งกวี


อาหารดั่งกวี มีกวีเท่ากับ มีรสชาติแห่งชีวิตฉัน


ปรุงรสเพื่อกวี จะนำเธอตลอดไป



กวี

ต้น บัวดิน