จำไว้ว่า ฉันยืนข้าง ดอกบัวดิน

Wednesday, November 21, 2007

ศิลปินไม่ใช่ศิลปะ


















ภาพจาก : gaynorevelynsweeney ขอบคุณครับ


แทนคำหวานกลายเกิดอาบพิษพิภพแยก

แทนความจริงกวีร่ายโศลก มิใช่เพื่อกวีแต่อย่างใด

เสียงจากที่สูงหาใช่เสียงสวรรค์ หากสวรรค์ดั่งนรก

ลิขิตกวีไม่ได้ จึงเกิดกวีบัวดินกลางเวหา

เสียงจากสวรรค์ไม่ไช่สิ่งที่ได้ยินระรื่นดอกหนาท่าน

ศิลปะไม่ใช่เพื่อศิลปะสหายกาลเถื่อนแดงดิษ

กวีดกดิบศิลปินไม่ใช่ศิลปะ เรียกว่ากวี

ศิลปินไม่ใช่ศิลปะ แต่ ศิลปะ คือ กวี

ศิลปะหาได้ใช่ศิลปินไม่-ท่านรู้ไหม ท่านรู้ไหม

ต้น บัวดิน

ปี 50

ฉันคือละออง




ภาพจาก : ziplink

ลมยังเป็นลม
ฝุ่นยังเป็นฝุ่น
แม้ไม่มีทั้งฟ้าดิน

ฝุ่นในสายลม
สายลมในเปลวฝุ่น
ดินและฟ้า ยังมีเธอ

ฝุ่นลม ดินฟ้า
ฉันคือละออง
ปลิวไปในห้วงกาลเวลา

เธอจะสดับฟังไหม
เสียงดนตรีแห่งจักวาล
บริสุทธิ์ ใจ

นั้น เสียงจักวาลกำลังเคลื่อนไหว
นี้ฤดูมาเยี่ยมแห่งสายลมหนาว
เธอลิขิต ความในใจเพื่อใคร ที่รัก

ต้น บัวดิน
ปี 50

Tuesday, October 30, 2007

เพราะ คืออะไร

สอนคนตาย ถึงการอยู่

สอนคนเป็น ถึงการไป

ยิ่งโกรธ ยิ่งเสีย

ยิ่งเป็น ยิ่งตาย

ความคิดเปล่าเปล่า กินข้าวไม่มีเกลือทั้งพริก

เธอจะรู้ที่มา ดินหรือข้าวน้ำหรือฟ้า

สอนคนตาย ถึงการหายใจ

สอนคนอยู่ ถึงการสิ้นลม

คิดถึงเธอ เพราะ คืออะไรด้วย

ต้น บัวดิน

ปี 50

Sunday, September 02, 2007

แม้นางฟ้าและซาตาล



ภาพจากเน็ต

ฉันตามหาแก
ไปไหนมา จะไปไหน
ฉันขอให้แก อยู่ตรงนี้
เคียงข้างฉัน ได้ไหมคนดี

ฉันตามหาแก
ไปอีกแล้ว จะไปใหนอีกละ
ฉันขอให้แก พักอยู่ตรงนี้
ขอให้ฉัน เคียงข้างแก่

ฉันตามหาแก
ไปเถอะ ถ้าอยากไป
ฉันไม่ขออันใด ฉันอยู่ตรงนี้
เคียงข้างกาย ฉันเอง

ที่รัก เธอโปรดฟัง
กาลลุล่วงไกล
แต่ฉันขอให้เธอ จงอยู่
คู่กายฉัน ฉันขอ เธอโปรดฟัง

ฉันอยู่ตรงนี้ ที่รัก
ตรงที่เดิมที่ฉันเป็น
ตรงที่ไม่ใครเคยเห็น
แม้นางฟ้าและซาตาล

Friday, August 03, 2007

นั่งมอง












ภาพจาก : www.philly-realestate.com

บทเพลงไม่สามารถสร้างโลกได้หรอก
แต่โลกทั้งโลก กลับซ้อนตัวอยู่ในบทเพลง


ใบไม้ลัดเลาะรอดจากก้านกิ่ง ตาย
ลีลาลอดสอดส่ายคล้ายน้ำไหล

ขูดทะลาดหล่นล่วงร่างลายรักดิน
แสงก็สาด แดดก็ส่องลุกไล่ดังเปลวไฟ

ดวงอาทิตย์เผาดาราดับแสงสว่างจ้า
เสียงนกขุนทองสุนทรีย์โศก แดกดันกินอารมร์

จักรวาลก็สั่นไหว ต้นบัวดินวิเวกกลางอากาศธาตุใจ
ที่ริมถนนคนเดิน แต่ฉันกลับนั่งมอง


เขียนที่ลาน ม.ล. ปิ่นมาลากุล ใน ม.ศ.ว
1-07-50

Wednesday, July 04, 2007

มิรู้จบ




















www.ecc.egreen.wednet.edu

ไม่มีเหตุผลอันใด
เพราะเล่าไปชาตินี้ทั้งชาติ
มิรู้จบ
มีอย่างเดียวพอไหม
...รัก...

Wednesday, June 27, 2007

ที่เรียกว่าเสรีภาพ
















ภาพจาก : http://upload.wikimedia.org


การเท่าเทียมยังเดินทาง
มาไม่ถึงดงนกขมิ้นแดง

การเดินทางที่สูญเปล่า อิสระภาพ
ไก่นาไก่บ้านไก่ป่าไล่จิกนกอินทรีย์

หมดแรงหิวโซตายข้างคันนาทุ่งกุลา
เจ้าหญิงบัวดินรอเม็ดฝนจากฟ้า

ต้นบัวดินแห้งตายเพราะความชั่ว
คนต่างคิดว่าสิ้นแน่แน่ ตายแน่นอน

ทั้งเหตุไม่มีผล ทั้งผลไม่มีเหตุ
จินตนาการดับเหตุผลตายด้าน

เขียนทำไมบทกวีอ่านทำไมบทกวี
อ่านไปก็ไร้ซึ่งจินตนาการ ขาดสลึง

มนุษย์ยังไม่เกิด เกิดแต่อมนุษย์
บทกวีเขียนเขี่ยไว้แด่เธอที่บัวโศลก

การเท่าเทียมยังเดินทาง
มาไม่ถึงดงนกขมิ้นแดง

ไก่นาไก่บ้านไก่ป่าไล่จิกนกอินทรีย์
หมดแรงหิวโซตายข้างคันนาทุ่งกุลา

ต้นบัวดินตายแค่ดอกและใบ
วันพรุ่งน้ำฝน ดอกจะบานทั่วฟ้า

เจ้าบัวดินจะบานกลางนาป่าจะร่มเย็น

Friday, June 15, 2007

ประกาศประธานธิบดี แห่งสาธารณรัฐกวี


















ภาพจาก :www.creativelearningpress.com


ประกาศประธานธิบดี แห่งสาธารณรัฐกวี
โปรดฟัง ฟังซ้ำอีกครั้ง โปรดฟัง
ให้พวกท่านกลับบ้านโดยสงบ
ที่ตรงนี้ไม่มีอำนาจเพื่อใคร ใคร
อำนาจไม่มีตัวตน อำนาจไม่มีถาวร
อาณาจักรที่รุ่งเรือง เติบโต
สลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตรงนั้นไม่มีอำนาจ
ให้ท่านจงรีบกลับบ้าน
ไปอ่านบทกวีฟังดนตรี
เล่านิทานนาฎยศาสตร์ละครลิง
ให้ลูกหลานท่านฟัง

ท่านจงเตรียมหุงหาอาหาร
น้ำและเครื่องดื่มที่รสเลิศ
จงหัวเราะเยาะหยันเย้ย
ดอกไม้แห่งความชั่วแต่เพียงแพร่วเบา
ท่ามกลางความมืดในสนทยาทิวาวานเถิด

ท่านจงแลสายตามองชาวนาผู้เหนื่อยยาก
เหงื่อและน้ำตาความทุกข์แสนลำบาก
ความจริงคือความงามประดับในโลกาทวารจิต
ท่านจงยื่นอยู่ข้างชาวนาผู้เป็นมารดาข้าแผ่นดิน

ที่ตรงนี้ไม่มีอำนาจ
อำนาจที่แท้ไม่มี
ถอนทิ้งเสีย ดอกบัวดินชั่ว
ที่ตรงนั้นไม่มีอำนาจ
อำนาจไม่มีตัวตน

ท่านจงยืนหยัดข้างชาวนาผู้ยากไร้
ท่านจงมองดูชาวนา พวกเขากำลังปลูกข้าว
ชาวนากำลังปลูกข้าว พวกท่านละปลูกอะไร

(ข้าพเจ้าได้รับแรงบันดาลใจจาก สาธารณรัฐแห่งกวีนิพนธ์ ของ ปุถุชน)

Saturday, June 09, 2007

เสียงทิพย์















ภาพจาก : www.ics.uci.edu

เสียงที่ง่ายง่าย
ท่วงวลีเกิดงามไพเราะ
ความวังเวงเสนาะโสตทิพย์

ควักมือขึ้นลงเสียงเด่นดัง
ไล่ความมืดเมามัวไปจากไกล
ขอพลังเสียงจงกังวาลไป

ให้ดอกใจคลายโศกตรม

แตรโบราณกับต้นบัวดิน














ภาพจาก : www.museum.vic.gov


แตรโบราณเป่าเสียงหวานขับขานเล่า

สิ่งใดคือความงาม อันนี้หรือเปล่าความจริง

หรือว่าอันนี้เป็นความดี เขาเรียกกันง่ายง่าย

ว่า สุนทรียศาสตร์

แตรสังข์และแตรงอนประโคมสุนทรียศาสนาเกิด

กลิ่นดอกไม้ธูปเทียนคละคลุ้งปนเสียงสวด

แตรโบราณสอดประสานให้รู้จักบุญคุณพระธรณี

มารดาจึงหยิบเม็ดดินที่ลูกยืนโปรยบนหัวลงจิตพุทธะ

เสียงแตรเปิดเบิกออกไปท่วงทำนองของอากาศ

ฟ้าก็รู้ดินก็เห็น ฉันกราบที่เท้าแม่

ฟ้าทั้งฟ้ารวมกลั่นเป็นเม็ดน้ำตาหลั่งหยด

ที่พื้นดิน

เสียงแตรโบกขานกาลนานแล้ว

ดิน น้ำ ฟ้า อากาศ ไฟ ยังคงเฉกเช่นเดิม

เวลาก็เช่นเดิม เหตุอันใดเล่า

ขัดแข่งแย้งแย่งขัดกัน

บนท้องพื้นแผ่นดินกระดึงรก

ฉันยังเห็นยืนยนชมดอกบัวดินชมพูฉาย

ดินดงดินงามเวิ้งเงียบสุขรักสงบเงียบ

ฝนก็โปรยโรยลมก็พัดรัดจิตกอดกายแน่น

ต้นบัวดินโยกเยกตามแรงลมยิ้มแย้ม

ทั้งดอกใบสดปรั่งเร่งสีแสงบอกรักจิต

จมดิ่งลึกรักหมดใจเจ้าหญิงบัวดินสวย

ฉันยื่นนิ่งสงบพบว่ารักเธอ ต้นบัวดิน

ระฆังกวี

















อากาศทุกเม็ดวิ่งเข้าออกโพรงจมูก

ความสำนึกดีชั่วโลดแล่นในห้วงจินตนาการ

ระฆังกวีดั่งสะนั่นทั่วพิภพ

คำกวีกรูกระทบทั่วแผ่นฟ้า

เตือนคนอยุติธรรม

ท่านเห็นไหมทางหายนะ

ลุกแดงริมตะลิ่งเจ้าพระยาแดดิ้น

จวนจะสิ้นลมลมหายใจ

ภาพจาก : http://accel95.mettre-put-idata.over-blog.com

Wednesday, May 30, 2007

คิดถึงบัวดิน











ภาพจาก : www.philly-realestate.com



ดินสอล้านเต็มลานแท่ง
ไม่มีทางเขียนคำกวีสิ้นสุด
จึงรู้ว่าฉันโง่จริงจริง
หลงรักกวีทั้งที่รู้ว่ามิสิ้ยสุด

โธ่เอยกวีผู้น่าสงสาร
ยามนี้ฉันได้แต่นั่งฟังเสียงแตนโบราณ
มันดังห้าวหาญยาวไกลและเนิ่นนาน
พร้อมน้อมจิตเขียนกวี อุทิศถึงลมหายใจ

ใต้ดอกใบต้นบัวดินยิ้มแย้มขานรับฤดูฝน
เสียงแตรโบราณขยับรับจังหวะของเม็ดฝน
ต่างวาดวลีสอดลีลาท่วงทำนองเป็นหนึ่งเดียว
มิใคร่แบ่งแยกถึงที่มาต่างฟ้ามายังดิน

ฉันเป็นกวีอนาโคจร หิวจึงพัก
พักแล้วจึงดื่ม คำกวีคลุกอากกาศธาตุจิต
ปล่อยให้นิวรณ์ห้วงอารมณ์บรรทมใต้บาทา
ตอนนี้ฉันหิวหยิบแล้วฉีกไร้ปรานี-ณีตใด

ต้มในภาชนะอาวกาศทะเลใจ
ค่อยค่อยบรรจงซดคำกวีขมหวานเย็นตลอดเย็นย่ำค่ำ
ทั้งปฐวีดาวดิ้น อาทิตย์ ดอกดวงจันทร์ต่างพยาน อนุสติตื่น
ใต้ลมไม้ชายคาดอกบัวดินเบิกบานหทัยลึก

Friday, May 25, 2007

ฉันรู้ว่าเธอก็รู้




ถ่ายภาพ โดยวรชาติ กิจเรณู

สนบนหลังกระดึงดง ไม่หนาวดอก
แต่ยังยืนในท่วงทำนอง ลีลาง่ายง่ายสนป่า
ฉันยืนตรงไหนก็ตรงนั้น ตรงตรง
หมอกควันไอหนาว พัดมาตรงที่ฉันเป็น ฉันรู้ดี

ฉันยังคงอยู่ยืนเป็น และยิ้มได้ เธอได้ยิน
แสงดอกดวงอาทิตย์จะอับปราง ฉันก็ยังเห็น เธออยู่ตรงนี้
มินานนักหรอก จันทร์ดวงนั้นฉายแสงค่ำนี้
คำที่ฉันคิด ฉันคิดง่ายง่าย เพื่อใครบางคน

ดินแดนที่เงียบงัน ฉันพบสุนทรีย์ว่าว่างวางเถิด
ฉันเดินบนดินฉันกราบดิน แม่ธรณีกระดึกรู้
ฉันหายใจเข้า ออก ฉันรู้ว่าฉันรักเธอดวงจิตงาม
ฉันจึงบูชาเธอด้วยอากาง่ายง่าย กล่าวคำขอโทษ

ฉันเป็นคนที่มาจากแดนใดละใครจะรู้
ฉันมายืนทำไรละ ใครก็ไม่ยากเป็น
ฉันยืนหาอะไร ฉันเพื่อใคร ฉันหายใจเพื่อใคร
เธอรู้ดีที่รัก โปรดอย่าทิ้งฉันอยู่คนเดียว

กลับเถิดกลับนอนบ้านให้ผ่อนพัก
ให้รู้หนักรู้เบาเถิดสหาย อย่าอาวรณ์
เพลิงไฟนั้นไม่ได้ร้อนไม่ได้เย็น จงปล่อยวาง
เสียงทะเลสนพัดวืดวืด โงงเง พรึดพืด ฉันจะมองหาใคร

เย็นเงียบสุดทะเลปลายฝันจิต
ฉันยืนคิดถึงเธอ รำพึงถึงเธอ เพียงผู้เดียว
ดวงจิตเจ้าหอมลมกระดึกกระดิ่งเด่นดัง มิหลงทาง
กลับมาเถิด กลับหาฉันคนดี นี้ฉันยืนอยู่ตรงนี้

ฉันรู้เธอก็รู้

Tuesday, May 15, 2007

เห็นมากกว่าดู



ถ่ายภาพ โดย วรชาติ กิจเรณู

สถานที่บันเทิงแห่งหนึ่ง
เสียงดนตรีดังบรรเจิด
เสียงผู้คนดังแทรกดนตรี
เวทีเปลี่ยนช้าเร็ว
บนออกลีลาร่ายรำ
มนุษย์หลงระเริงราตรีสิเพลิง
กากีสำแดงมายารัดตรึงชาย
แล้วดนตรีก็จบลง
แยกย้ายกลับต่างก็ว่า
หมดทุกข์แกมใบหน้าคล้ำดำ

กวีน้อย



ภาพจาก : www.designserver.nl

กวีน้อยนกขมิ้นเหลืองอ่อน
สั่นปีกเคลื่อนโผไปพอสวยงาม
เริงสายลมเช้ายันพบค่ำ ตะวันเฉียบดิน
โอ้ว่าเช้าแล้วไหวระริกเสียงปีกบางขยันขยับ

โอ้ท่านนักปราช ชาตญาณที่สูงส่ง ตัวข้า
นั้นไซ้ เกลือกกลิ่งคลุกแทรกกับดินสุดแสนต่ำแทบเท้า
ดิน ดิน และ ดิน มีกลิ่นแสนระทดระทวยใจ
ข้าอยากบิน บิน สู่ ภาวะสุขที่นิรันดิ์ แห่งใจ

สองปีกแนบชิดกระบาน ตั้งฐานไหว้ ขอเจ้าข้า
ตัวข้าด้อยศักดิ์ มิอาจเทียมได้ดอก เพียงขอทาน
ศักดิ์สิทธ์แห่งศาสตร์รู้ ที่สวยงาม เศษเสี้ยว จากท่าน
ผู้ศาสตราจารย์ ลึกร้ำบริสุทธิ์ในปัญญา สุดแขวนแดนสยาม

นกขมิ้นเหลืองน้อยก้มคำนับในใจงาม
เสียงแทรก แหวกจากภายใต้ ห้วงคำนวณภายใต้จิต
โอ้เจ้าเอย ไม่ ได้ บอกว่าไม่ แต่ความหมายคือสิ่งเดียวกัน
ฟังแล้ว ใบ้รินใหลร่วงพรู ฤดูแล้ง ไม่มีที่ท่าที่แน่นอน

สั่นยะยิก สะท้านทั้งป่า ลงสู่ดิน
อนิจจา เอย จะหวัง และหวังในเวลาใดเล่า
จะได้อย่างหวัง แหลกแล้วเจ้าข้าเอย หัวใจเจ้าขมิ้นอ่อน
ค่ำแล้ว เพื่อนกล่าวถามเจ้าจะไปที่ใด

ปาก ยิ้มแต่ใจเศร้าข้าจะกับบ้าน เพื่อนรัก
น้ำใจงามที่นำพาตัวข้าพบความจริง
น้ำใจไม่มากค่าไม่น้อยค่า ข้าประจักษ์ยิ่ง
ข้า สาธุ ข้าสาธุ กราบแนบดิน แม่ธรณี

ขอปีกและขนข้าไหวพลิ้วลู่ลม
มิต้องหวั่นดอกแค่แรงลม เมื่อฤดูร้าย

Sunday, May 13, 2007

นามธรรม




10-05-50

โปรดทราบ ความสุขอยู่ที่ปลายลมหายใจ
มันก่อตัวแล้วสลายไป ทุกลมหายใจเข้าออก
ถ้าหายใจเข้า ก็รู้ หายใจออก ก็รู้
ความสุขนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ที่ปลายจมูก
น่ะ โปรดทราบ

Friday, May 11, 2007

ฉันเขียนเพื่อเธอ







เมื่อยามฝนความมืด พัดพาหมอกควันแห่งความหนาวเย็น
จากหัวใจของดวงอาทิตย์แดดดิบ มาหาเธอที่รัก
เธอยืนรอใครในเงาสว่างนั้น เธอก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอว่า
มาลาคำคืนมีนับล้านดวงใยเธอถึงเฝ้ากอดแต่ดวงจันทร์
รักนั้นมีและไม่มี เกิดแล้วก็พรากลาล่วง ระหว่างทางกลิ่นก็โรยโปรย
ไม่มีแม้นกลางวันและกลางคืน แม้นสิ้นดาราจักร ที่รักฉันรอเธอตรงที่เดิม

เธอเดินตรงไปแห่งหนใดฉันก็อยู่ ตรงนั้น ฉันเก็บดอกไม้สีขาวไว้ให้เธอ
กาลนี้แสงดอกความงาม รัศมีความจริงถูกบดบัง
ทั้งกลิ่นและดอกใบหล่นทิ้งแนบแผ่นดิน เกลื่อนดาดทาทับสีแดด
ประทับไว้เป็นที่ระลึก กลุ่มคนที่มองหาแต่รอยเท้าใครกันแน่
ลมแล้งแห้งดิบดงเถื่อนไล่ฆ่าจริย ธรรมะงาม ตายกองกันในดงมนุษย์

เสียงกระสุนกลคนใจต่ำ วาดกวาดต้อนความดีจอมปลอมยอมสีแก่พวกตน
เมื่อวานเธอเดินฝูงแล้งกินใจคน ฉันรู้ว่าเธอกลั่นลมหายใจทนทุกข์
ยามนี้ไม่มีดอกดวงอาทิตย์ ไม่มีดอกดวงจันทร์
ถึงแม้นทั้งสองมีแสง แต่ฝูงมนุษย์มีตามองไม่เห็นถึงคุณค่าแห่งสัจจริง
ไม่มีทั้งตาไม่มีทั้งจิตใจยังดีกว่า หลอกตนเอง
ที่รัก ฉันเขียนบทน้ำคำง่ายง่าย เพื่อเธอ

Wednesday, May 09, 2007

หนึ่งเดียว



ภาพถ่ายบนดอย : เชียงใหม่


เหงื่อหยดที่ก้านสมองรอบทิศ

เมื่อผมพยายามหาคำมาเทียบเคียง สัจจธรรม ไม่พบ

ชายชราบอกให้ผม ใช้ความรู้บริสุทธิ์ทำลายความโชคร้าย อหังการนั่นก่อน

ผมถึงรู้ว่า ความจริง คือการหลอกที่แท้จริง ดีๆ นั้นเอง

Tuesday, May 08, 2007

เงียบ












รูปภาพจาก www.cca.edu

เงียบ สงบ
สะอาด สว่าง
ระเบียบ วินัย
สร้าง สรรค์
ไม่ยึด ครองใจ
บอก สั้นสั้น
ขอ โทษ
เสียง ดัง

Wednesday, May 02, 2007

ชะบา















ขาด 30x50 ซ.ม.

เทคนิค : พาสเทลบนกระดาษ

สมบัติของ : บัวดิน

หลัก ใจ
ชะ บา
แดง ขาน
บาน บ้า
ใจ รัก
ดอก รัก
หลุด หล่น
ดาว โรย
ร่วง เหี่ยว
ดอก พุด
ซ้อน กลิ่น
เงย ฟ้า
ท้า ดิน
หอม ดิน

Monday, April 30, 2007

ให้กวี





กวี ตาย
ฟ้า ปิด
จิต กวี
กวี เกิด
สิ้น มายา
กวี เขียน

ศุภชัย สุริยุทธ
ภาพจาก www3.ac-clermont.fr

ขัดแย้ง












ภาพการจัดวางwww.pbs.org

ขัดขาดบาทต่ำแท้ ขัดแย้ง
สูญเปล่าประโยชน์แฟบ หยั่งรู้
วางโลภว่างโกรธแปร นาท่าน
เดียวแก่เกิดเจ็บตาย แช่มชื้นกิเลส

เชิญเถิดปลูกแพร่ไม้ ดอกดี
จิตปักเฟื้องดอกศรี เด่นฟ้า
แดดแดงป่าดินฉีก กาลร้าว
ธรรมแก่นงามมิคว้าง ว่างเวิ้งวายดอก

ขอโศกแหกวิ่นเปรี้ยง แตกตาย
เสียงเหง่งงึมใสปาน ลั่นฆ้อง
ลุกกรรมไล่อุบาทว์ ทุบโง่
กระจ่างธรรมะโค้น ต่ำช้าปวงมาร

ศุภชัย สุริยุทธ

Monday, April 23, 2007

หนอนกินจินตนาการ

หนาวช้า

หนาวนาน

หนาวมาก

ร้อนเร็ว

ร้อนยาว

ร้อนลึก


เมื่อคืนฉันเห็นนอนกินความฝันคน

เมื่อคืนฉันเห็นกระดาษกลายเป็นเถ้าดำ

เมื่อช้าได้ยินว่าคนยังไม่ตายหนอนก็กิน

ฉันเห็นหนอนกินจินตนาการของคน

ฉันดูแล้วเขายังมีลมหายใจอยู่ ยังเดินดิน

กลิ่นลมโปรยโรยรินปกคุมท้องฟ้าทุกแห่งหน

คละคลุ้งกำจายเต็มด้วยหนอนนอนดิ้นในกระโหลก

ยาว และนาน แสนนาน

ไร้สี ไร้ค่า ไร้วลี คำแห่งความดี

ร่วมกันรักกิเลสงามดอกไม้ประจำจิต

ทั้งเผาทั้งสับทั้งตำ ชงละลายน้ำดื่มกิน

คล้ายว่านี้คือชารสเลิศ อมฤทธิ์ค่าแห่งคน

หนาวช้า

หนาวนาน

หนาวมาก

ร้อนเร็ว

ร้อนยาว

ร้อนลึก

22-04-50

Wednesday, March 14, 2007

คำคู่

ตา มอง
ใจ เห็น
เกิด รัก
จอง จำ
หอม ทุกข์

ฉันจะเป็นกวี

คำดอกวาจาพุดขึ้นกลางเวหาอากาศธาตุใจ
ดอกพิกุลสดสะพรั่งทอดถอดกายหลุดร่วง

รัก ฟ้า
นอน ดิน
กิน ดาว
กวี ยาว
ชีวิต สั้น

คิดว่าใช่

คิดว่าใช่

เอาความจริงมายำใส่จาน
เอามายาขว้างไปยังดาวพูโต
เก็บความรักปักแจกัน
เขียนความขลาดไว้ศึกษา

เจ้าดอกมาลาสว่างตอนค่ำคืน
แจกันจักวาลมีดอกพระอาทิตย์สถิตกลางฝูง
เจ้าหญิงดวงจันทร์นุ่มคิดถึงว่ารัก
ดอกดวงดาวพร่างพราวกลางราตรี

เอาความกล้าหารบดใส่กล้าย
เอาความยุติธรรมบดใส่ใจ
สูดกลิ่นเสรีภาพ บริสุทธิ์
บอกเพื่อนพ้องน้องพี่พี่

จงทำความดีพรุ่งนี้กำลังจะมา...

ดวงฤดี

สิ้นแสง
แม้มี
เดือนดาว
ล้านดวง
แค่หลับตา

สิ้นศรัทธา
แม้มี
ศาสดา
เป็นล้าน
แค่ปิดใจ

ดอกจิก
กระจิดริด
ดอกกังหัน
ต่างหมุนไป
ดอกอะไร
เป็นดอกไม้

กลิ่นก็โปรย
เจ้าไม่โรย
ลมก็พัด
ข้าก็หอม
เจ้าดอกรัก

แม้สิ้นแสง
แล้งศรัธา
ศาสดาข้า
มิเคยปิด
ห่างรักเจ้า
บัวดินหวาน

นี้ก็นาน
นี้ก็ไกล
ใจข้าติด
รักแต่เจ้า
มิรู้คืน
มิรู้วัน
ข้ายังลิขิต

อุทิศถึงเจ้า
ดวงฤดี

ถึงแม้ว่าเราอยู่คนละห้วงมิติของเวลา ข้ารำลึก ซึ้งเสมอ

ก่อน ตาย

--------------------------------------------------------------------------------
ใจ ฉัน

ใคร ให้

เดิน ไป

ไกล ฝัน

แค่ รัก

ไกล้ ถึง

ความ จริง

ก่อน ตาย

สัตว์ประหลาด

ธรรมชาติสัตว์ประหลาด
เพียงวันเดียว เดียวดายนับล้านปี
ไม่มีบทโศลกโบราณขับขานใจ
ไม่ต้องมีนิทานจากซาตานทักทอรัก
มิอาจรักความชั่วประหลาดธรรมชาติสัตว์
ฉันมีกระจกโง่เขลาล้านล้านใบส่องทางจิต
ฉันมีอดีตอนาคตที่ไม่ต่างตาย
ดอกไม้ที่ฉันชอบ ขอเพียงเป็นแค่ดอกไม้
ทุ้งผักบุ้งสีแดงกลางหนาวจงเข้มแข็ง
อารมณ์ยืดยาวนับล้านปี
ธรรมชาติสัตว์ประหลาด เกิดมาเพื่อความรัก

ความจริงในเม็ดฝน

1
ครั้นย่างเข้าสู่ฤดูฝน
ฉันแลเห็นฝนระหกระเหิร
ฝุ่นผงเม็ดละเอียดเป็นแสงมณีหลากสี
แต่ไม่ประจักษ์ถึงรุ้งกินน้ำเลยสักครา
2
เสียงของแสง นุ่มลึกฝังนครจิต
แสงของสี ผสมสมานระเหิดฟูฟ่อง
สถานที่บันเทิงนครมนุษย์ประดับด้วย
ดอกไม้เหล็กเสียงดังแทนความดี
3
ครั้นเมื่อยามฤดูฝนดอกไม้จะผลิบาน
ท่านเห็นความงามใช่ไหมโปรดโปรย
ยังพื้นปฐพีลบล้างดอกไม้สีดำแห่งความชั่ว
อันว่าความดี เช่นความรัก เป็นความจริงแท้แท้
4
เก็บดอกไม้เหล็ก กวาดดอกจิต ถูพื้นใจให้สะอาด
แสงเป็นสี สีเป็นเสียง เสียงถักทอประดับโลก
เป็นความกวี ถ่ายทอดวังวนมนุษย์น่าสงสาร
หลงเก็บดอกระเบิดฟาดเหวี่ยงเกลียดชัง กัน
5
พรุ่งนี้กำลังจะมาท่านรู้ไหม....

คนบ้า

เงียบให้ใครฟัง
ดังแล้วใครจะได้ยิน
ทำอะไร ใครให้ทำ
ทำหาเรื่องเล่าลือ
ใครเป็นคน บ้าหาเรื่อง

สิ่งเป็นอยู่

ประเพณีคือทางแห่งบวงกรรมของสัตว์

ไม่พบ จึงไม่จาก

ดวงอาทิตย์ไม่เคยอาวรณ์ละครในตอนเช้า
เร่งปี่ทะยานมุ่งสู่แดนแห่งแดดที่เฉิดฉายกลางวัน
ถึงตอนเย็นย้ำค่ำก็ลาลับพบรักตอนสายพร้อมลาจาก
แต่ฉันไม่ใช่ตะวัน ฉันเป็นเพียงแค่คลื่นลมฤดูหนึ่งของวันหนึ่ง
ถึงแท้ที่สุดมิอาจพบกัน
จึงไม่มีวันจาก

นั้นฝนหรือนำกลายเป็นไฟ

มุ่งมั่นอดทนศรัทธาปลายฟ้า
กำหนดเป้าหมายคล้ายจริง
กำหนดวิธีต่อยตี
กระบวนการกาลนาน
ระบบการจัดการวาดฝัน
การวางแผนงอกงาม
การประยุกต์ทุกข์บิดจิต
การพัฒนาองค์กรพรทวี
ทำใหง่ายวายป่วง ปวงมนุษย์

ดวงจันทร์ ดอกอาทิตย์
แสนไกล ยังแลถึง
คนเราอยู่ใกล้ติดกัน
มองไม่เห็นกันเลย

น้ำไม่ใช่ฝนทะเลดาว
ฝนเป็นแม่น้ำ ทะเลโคลน
น้ำไหลลิ่วลี่ เบิกบาน
ไม่เกรงใจ เทวดาพญามาร
ไม่ใช่ญาติ เจ้าหญิงบัวดิน
ไม่รัก เจ้าชายสายฟ้า
ไม่เกลียด ตุ๊กตาหน้าใส
ไม่ทุกข์เศร้า ร้อยรักสับปลับใคร
ไม่มีพี่ คล้องใจ
ไม่มีน้อง คล้องคอ
ไม่โกง ชาติวาสนา
ไม่หลอก จิตคิดร้ายใด
แค่เป็นน้ำไหลเดือดเรี่ยวแรง

Friday, March 09, 2007

ปูนแดง ใบพูเขียวห่อความชั่ว

กรรไกรหนีบหมากหัวสิงห์
ของคุณยายช่วยง้างงับ
ตัดความชั่ว เหลือส่วนดี สันติ
ทาปูนแดงบนพูใบเขียว
ให้รู้ดำรู้แดงความโง่เขลา

ห่อความชั่วด้วยใบพูพร้อมปูนแดง
ยัดใส่ปากฟันแหลมแหลมจงเขี้ยวจงทิ้มงัดแทง
ขอเจ้าบดชั่วสลายร่างตัวชั่ว
จงแหลกแตกกำจายขยี้ย้ำให้บรรลัย
แดงฉาบฉาดถ่มถุยลงกระโถนทองคำขาว

ค่อยเจรจาสหาย ค่อยค่อยเจรจา
อุเม่ ขืนใคร ขืนใจจงแสดงอย่าซ้อนเงื่อน
ข้าไม่ฟังทั้งฟ้าไม่ฟังฝนอันกลลวง
เอากระต่ายขูดมะพร้าวมา ฃ้าจะขูดเนื้อใจมัน
เก็บข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียนไปเผ่าให้เป็นถ่าน

ไม่ต้องไหว้ไม่ต้องกราบกูไม่ฟัง
จงนำถ่านนั้นมาดูดร่างวิญญาณชั่ว
แล้วจงเผามันอีกครั้งด้วยไฟให้กลายแดง
เผ่าให้สิ้นซากสลายมลายดิน
ใดใดชั่ว ใดใดคิดคดร้ายขบดนำมันมา

ทาปูนแดงห่อความชั่วบนใบพูเขียว
ค่อยบรรจงม้วนมันอย่างปราณีตอย่าให้ดีดดิ้นหลุด
ทั้งยาเส้นยาเมากับแก้มสำเริงสุนทรียารมณ์
อัญเชิญนาคราชเทวดาพญามาร
เชิญสำราญยนสดับปีพาทย์ มโหรีอันวิจิตรสูง
นำหมากพูวางใส่พาน ลานชมจันทร์ให้เรียบร้อย

ขออันเชิญเทพภูมิทั้งหมู่มาร
ร่วมเป็นสักขีเป็นพยานที่ลานจันทร์ฉาย
ขออัญเชิญลิ้มรสหมากพูปูแดงห่อความชั่วอันเลิศรส
เชิญขบเขี้ยวกลางแสงจันทร์สดับฟังพิณพาทย์มโหรี
คืนนี้จันทร์ดารดาษสาดแสงเหลืองนวลขับกล่อมใจ

ข้าขอเชิญมวลมนุษย์ที่หลากพันธุ์ชาติ
มาครบองค์พร้อมชุมนุมอย่าแหนงหน่าย
เชิญชิมลิ้มรสพูชั่ว กลางนางรำอ้อนแอ่นอรชร
หรือใครใดขาดเขลาให้ชี้แจงแสดงเถิด สหายข้า
หรือมิเกล้า เชิญชมเพียงแสงเสียงกลางลานจันทร์

ข้าขอเพลง วิเวกเวหา ต่อบทโศลกพร้อมตบท้ายลาวโศกเถา
อัญเชิญเทวดาพญามารปวงมนุษย์โดยพร้อมเพียงหน้า
จงลงมา หากใครใดข้องขัดโปรดสำแดงก่อนเพลงรีบเจรจา
เฉิดฉิ่งบัดเดียวนี้ กูจะเขี้ยวพูชั่วกลางแสงจันทร์
ดังเลือดสาดปากก็แดง อนิจจัง อนิจจา ทุกขเวทนา พี่น้องเอย

สุดท้ายจงร่ำลาถุ่มถุยใส่กระโถนทอง รับร่างชั่วไปฝังดิน
กราบพระเทศนาธรรมช่วยอวยพร กุศลาสันติภพ
ภาพจิตสันติภาพ เถิดให้พร้อมเพียง สหายรัก