จำไว้ว่า ฉันยืนข้าง ดอกบัวดิน

Sunday, November 26, 2006

เรื่องปะติดปะต่อ




ฉันได้กลิ่นหอมดอกกุหลาบสีขาวลอยมาจากดินแดนแห่งรัก หอบมากับสายลมแห่งความคิดถึงของเธอ หลังจากพระอาทิตย์ไกล้จะลาพื้นแผ่นดินตะวันออกของวันนี้ ฉันรู้ดีว่าตอนนี้ฉันอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่โลกแห่งความเป็นจริงของฉันมีอีกโลกหนึ่ง เป็นสถานที่สวยงามเกินกว่าที่ฉันจะนำมาบรรยายถึงบรรยากาศปราบปลื้ม ใช่ใช่ฉันรู้ดีตอนนี้ฉันกำลังกว้าวเท้าซ้ายอยู่และพยายามต่อด้วยกว้าวเท้าขวาตามมา ฉันทราบดีและสบายดีด้วย ฉันได้ผ่านล่วงสมัยกาลเวลามานานแล้วเพียงเก็บเงียบไม่บอกใครๆ ถึงฉันอธิบายหาคนผ่องใสเข้าใจไม่ ฉันไม่จำเป็นสาธยายน้ำลายให้ฟูฟ่องป่วยการจะสารภาพให้หมดเนื้อใจ เพราะสิ่งที่มันเป็น เป็นความจริงที่ฉันไม่อาจปฏิเสธได้ว่าฉันเดินทางมาถึงต้นน้ำแล้ว

ค่ำคืนนี้ฉันนั่งจองไปยังดวงตาของท่านลีโอ ตอลสตอย ดูคล้ายกับว่าท่านกล่าวเตือนฉันว่าอย่าโอหังให้มากนักนักเลยนะ เพราะสิ่งที่เป็นตอนนี้หาใช่การหลุดออกจากตาข่ายความทุกข์เป็นสิ่งที่ทนได้ยาก จงเฝ้าเรียนรู้ประหยัดความคิดชั่ว มักกำเนิดจากความนอกคอกความไร้สติ ดังที่มันเกิดอยู่ทุกๆ วันในมนุษย์ ค่ำคืนนี้ฉันสนทนากับลีโอ ตอลสตอย ฉันเพ้อไปว่าในรูปนั้นมีชีวิตจริงๆ ท่านเล่นอยู่บนม้านั่งในบรรยากาศที่สุขสงบ ไม่หวั่นไหวในโชคชะตาแห่งสายลมหนาว ทุกๆ ฤดูในพื้นภิพภตลอดราตรียามพบค่ำ

ฉันได้กลิ่นหอมดอกกุหลาบสีขาวลอยมาจาแดนใด


All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

Sunday, November 19, 2006

เสียงดนตรีกับเจ้าม้านั่ง

ริมถนนและม้านั่ง
หน้าบ้านใจบุญ ราชครู
บ่นความในใจให้ม้านั่งฟัง
เจ้าไม่เคยสงสัย
หรืออย่างไร
ทำไมข้าถึงมานั่งเจ้า
ข้าขอคลายทุกข์เดียวด้าว
ทำไมเจ้าไม่เอยถามข้าบ้างละ
ถามสักคำชิสุขทุกข์ดีอย่างไร
ข้าเพียงแค่สัญจรผ่านมา
ช่างใจบุญ ขอขอบใจ
หลังของเจ้าแข็งแรงทนทานแดนลมฝน
เวลานี้หน้าหนาวแล้วเจ้าจะอยู่อย่างไร
ผู้คนมากมายขอนั่งเลยผ่านเลย
ค่ำนี้ข้าจะเล่นดนตรีเป็นเพื่อนเจ้า
เสียงฟังดูอาจเศร้า จะลำนำเจ้าไป
ท่ามกลางความหนาวเย็นฤดูหนาว
จงอย่าอาวรณ์นิวรณ์ดงแดนใด
เจ้าม้านั่งเจ้าเอ๋ย สหายข้า
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

Friday, November 17, 2006

เป็นในสิ่งทำคิด คิดทำ

ฉันไม่ไช่ รูปสุวรรณชั้นใน
ฉัน มั่นใจในสิ่งที่ฉันจึงทำ
ฉันเป็นเพียงเงาะป่าบ้าใบ้
รูปชั่วตัวดำ กลางดงปราชญ์
สยามเทวาลัยสถานวิมานกรุงฯ
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

โปรดฟังอีกครั้ง กลับเถิดดวงฤดี

เอ๊ะแสงอะไรนั้น
เหตุใดเจ้าถึง
ร้องให้กลางฤดูฝน
หนาวอะไรมาเกาะหัวใจ
เหตุใดเจ้าถึง
เย็นเยียบกลางฤดูร้อน
เจ้าเป็นอะไร เจ้าเป็นอะไรไป
วันนี้เป็นวันอะไรเดือนใหน
พ.ศ. ที่เท่าไหร่จำได้ใหม
กลับมาได้ไหม สถิตย์กับฉัน
กลับมาได้ไหม กลับมาเป็นคนเดิม
ฉันจะดูแลเจ้าเอง เจ้าดวงฤดีของข้า
ไม่เร่ร่อนทะยานยากกับสิ่งใด
ข้างนอกมันโหดและเหน็บหนาว
เจ้ารู้ดี
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

มีค่าที่ไม่ต่าง

www.colorsofbangladesh.com


ความรู้สึกหนึ่งหนึ่งในใจลึกลึก
คุณรู้ไหมวันหนึ่งนั้นนั้นไม่มีความหมาย
เวลาหนึ่งนั้นคล้ายว่าฉันไม่ไช่คน
หากแต่เป็นเพียงก้อนเนื้อ
ยังดีมีแตลมหายใจ
ใจมันลอยลิบลี่ไปกับคลื่นไร้ตัวตน
เพราะฉันหลงรัก ฉันจึงเป็นอย่านี้
เข้าใจไหมเวลาที่ฉันอยู่มีค่าเท่ากับเวลาที่ฉันตาย
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

นั่งกลางจิตกาย

www.getoilpaintings.com


ฉันจำได้ว่า
ฤดูใบไม้ร่างล้าง
ของปีก่อนโน้น
ลมได้ผัดใบไม้แห้ง
ไหลชลูดลงดิน
ฉันจำได้ว่า
ใบไม้แห้งร่วง
สู่พื้นดิน
และตัวของฉันเต็มไปด้วย
เศษของใบไม้แห้ง
ลมหนาวที่เย็นเยียบ
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

Wednesday, November 15, 2006

นานที่นาน แต่...

ท่านเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้
ท่านรู้ใหมศิลปะที่แท้เป็นอย่างไร
ตัวข้าผู้มืดมิดสนิทในความงาม
ท่านเปลี่ยนให้ข้าร้องเพลง
ท่านเปลี่ยนให้ข้าเขียน
ท่านเปลี่ยนให้ข้าวาด
ท่านเปลี่ยนให้ระบำ
ท่านเปลี่ยนให้ข้ารัก
แต่ทำไมตัวข้าถึงอับไม่เบิกบาน
ค่ำค่ำคำใหนเวลาใดจึงหายทุกข์
ท่านเทพเจ้าแห่งศิลปะ
ข้าทำอะไรผิด
ผิดคืออะไร ท่านได้ลงโทษ
สถานที่ถูกอยู่ตรงใหน
ข้าไม่รู้ ข้าไม่สับสน
เพียงอยากรู้
ศิลปะ ตั้งอยู่ตรงใหน
โลก หรือนอกโลก หรือในโลก
ทั้งหมดท่านกำหนดใช่หรือไม่
โอ้สุนทรีย์เจ้าอยู่ที่ใหนกันแน่
ท่านรู้ใช่ใหม เทพแห่งความงาม
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

อยากเล่นดนตรี


ฉันยืน ดิน นั่ง นอน
ฉันกิน คบเคี้ยวหลากสิ่ง
ฉันได้ยินได้ฟังมองเห็น
ฉันรับรู้สัมผัสด้วยจิตใจ
เวลาได้วนเวียนผันเปลี่ยนไป
ฉันเดินห่างออกจากสิ่งธรรมดาหาสิ่งธรรมดามากขึ้น
ฉันสัมผัสเข้าไกล้บางสิ่งไร้ วิวรณ์
ฉันเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง
ฉันศึกษาสุขและทุกข์
เฉกเช่นเลือดและลมหายใจของฉันเอง
เป็นสถานที่สถิตมากมายแต่โดดเดี่ยว
เสียงกายภาพเคลื่อนไหว กิรยาอาการฉันแย้มรับ
พัดเขวตามแรงลมธาตุกิเลส
ฉันกินฉันเคี้ยวธาตุกิเลส
ฉันรับรู้สัมผัสด้วยจิต ธาตุกิเลส
เวลาวกเวียนพันเปลี่นยที่แน่นอน
แต่ธาตุกิเลสก็วิ่งคู่ขนานเหนือกาลเวลา
ค่ำนี้ฉันยืนเป่าขลุ่ยเหล็กเล็กยันสว่าง
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

ชักงักอารมณ์


เวลาผ่านราตรีทุกราตรี
มืดแจ้ง สว่างดกดำ
มุ่งฝักไฝ่ต่อตีกิเลส
ผ่านมาเพื่อพบสว่างธรรม
พระผู้มีพระภาคเป็นผู้ไกลจากกิเลส
ข้าขอสัมรวมจิต ตัดลิ้นภายใน
ชักงักอารมณ์ โดยสติ
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

Tuesday, November 14, 2006

ฉันเขียนกวีกลางนิวรณ์

ฉันเห็นตัวหนังสือ

มันเรียงกันอยู่ในหัวของฉัน

ฉันอ่านฉันเข้าใจ

ทุกข์โศลกสุขโลภ จึงให้ปล่อยวาง

ฉันว้าวุ่นเรียงถ้อยความคำกวี

จากหัวใจ สู่หัวใจอย่างไรดี

ว่ากวี นั้นไพเราะ กลางนิวรณ์ทั้งปวง

All Rights Reserved.

Copyright©2006 Suppachai Suriyut

ไร้นิเวศน์ทะเลจิต

ภูเขาหินแข็งดูเข้มแข็ง
ผู้คนมุ่งมั่นสีผิวเข้มด้านแรงแดดดาด
ตั้งเด่นสง่ารอบเรียงผิวน้ำทะเลลึก
ใจคนนั้นไร้นิเวศน์จักวาลทะเลจิต
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

ทั้งคู่คือความรัก

ไฉนจึงอวดอ้างถึงรสหวาน
ในเมื่อรสทิพย์ที่ว่าหามีไม่
โดยแท้จริง
หากแต่ประดังโหมแรงทุกวินาที
ทุกข์โศกย์มนุษย์ชำระได้อย่างไร
เหตุใดจึงว่าหวาน
อุปทานจึงยึดมั่น
เพราะรักจึงว่าหลง
ก็เพราะปลงจึงว่าว่าง
ก็เพราะร้างจึงว่าทุกข์
เพราะสุขจึงสุข
เพราะทุกข์จึงทุกข์
ทุกข์แล้วจึงมีสุข
สุขแล้วจึงมีทุกข์
เหตุใดจึงว่าหวาน
อุปทานจึงยึดมั่น
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

Monday, November 13, 2006

ความสูงที่ว่างเปล่า

ระดับเสียงเป็นความสูงที่ว่างเปล่า
พระจันทร์ด่างพล่อย
เงาของแสงจันทร์เปื้อนความมืด
อาทิตย์อัสดง ฉันคงต้องหลงลืม
เมื่อเวลาที่ฉันกลืนกินทั้งชีวิต
แท้สิ้นสุด คือ ว่างเปล่า
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

แดดกับความรักสุดท้าย

เช้าที่ผกผัน ฝนพรากแดด
อนาโครจรอารมณ์
สรรพสิ่งรัวเล้า
บางสิ่งไม่สะทกสะท้าน
แนบนิ่งบนพื้นดิน
รู้แล้วว่าทุกข์รู้แล้วว่าสุข
ทุกข์ทนได้ยาก สุขแสนสั้น
ปลายฝน ไม่มีฝน พบหนาว
อนาโครจรอารมณ์ฉันล้มทั้งยืน
รักละเอียด โกรธละเอียด โลภละเอียด
ฉันจึงยังทราบใดใดไม่แน่นอน
ใดใดจึงไม่แน่นอน
ใดใดจึงไม่แน่นอน
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

Saturday, November 11, 2006

เจ้าหญิงบัวดิน

คลื่นแห่งท้องทะเล
จะใช้ใครบอกเธอได้
ฉันเป็นชายตาบอดโง่เขลา
ท้องทะเลอาบแสงนวลจันทร์
เจ้าหญิงบัวดิน อยู่แห่งหนใหน
ฉันเป็นชายอ่อนแอไร้แสงจันทร์
ทะเลทักทอแสงครามประกายสี
มีใครอยู่ตรงนั้นไหมบอกฉันที
ฉันหลงทาง เงาความงามในท้องทะเล
พายุหอบสายฝนแทงผิวละอองงาม
เจ้าหญิงบัวดิน ชะโลมลิ้มรสฝนหวาน
ฉันเป็นเรือไม่มีใบและหางเสือ
ฉันเป็นชายบอดใบโง่เสี่ยวเซอ
คลื่นท้องทะเลรักจักวาล ฉันเป็นใคร
ราดากาลเจิดจ้าจรัสเฉิดฉาย
นั้นใครบอกทางฉันหน่อยได้ไหม
เวิ้งว้างว่างวาง ฉันคิดถึงเธอ บัวดิน
ค่ำนี้ท้องทะเลกว้างลึกแสนไกล
ฉันคงเอื้อมไม่ถึง สัมผัสแค่ดวงตา
ฉันเป็นเพียงเรือล่องไร้ทิศทาง
ไม่รู้ตายอีกกี่ชาติถึงจะพบกัน
คิดถึงเจ้าหญิงบัวดิน
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

Friday, November 10, 2006

วิหกเพลิง

วิหกเพลิงถลาเริงระรื่นในเพลิงพายุฝน
ถ่ามกลางเหวห่าลมฝูงหนึ่งพิพากย์ยอดจำปา
อำนาจนั้นกระโจนเชื่อดขาดสิ้นดอกปลายยอด
บิดแตกขาดฉีกบิดเบี้ยวกลางอากาศธาตุลม
จำปาเสียสิ้นสติสมปฤดีอนิจจาแม่เจ้าเวย
ไถลถลอกกรอกกลิ้งตามบาทวิถีกลางกรุงสยามเทวา
แรงพายุมากเพียงใดกายยิ่งโหมกระหน่ำล่องไหล
วิหกถลาระเริงระรื่นในเพลงห่าพายุฝน
เสียงเปรี้ยงแสงหายไฟรุกไหม้ริมฝั่งซ้ายเจ้าพระยา
มนุษย์ตะโกนโหวกเหวกจัญไรข้ามฝาก
เทวทัตปรากฏร่างกลืนกินกลางสยามเทวานภาลัย
อำนาจนั้นเฉียบแรงสิ้นปราณีปราณีตกิเลสละมุน
ขูดขีดปราดป้ายกากกากคากถุ่มถุยอาบจิตวิริยะเพรียน
มิว่างมิวางมิวาย ฝูงไก่ทั่วดินแดนปิดกายสิ้นใจ
ทนทุกข์กลางแดดบ้าเยือกเย็นเผาธาตุจิต
เล่าลือเสียงนั้นฝากโน้นไกลโพ้นตายฝูงหนึ่ง
มืดแล้วสว่างแจ้งแล้วมืดดำเวียนแวะ
เวลานี้วิหกเพลิงดับแล้วหากแต่ระรื่นในฝูงฝน
ในความจริงมีความปลอมในความปลอมมีความจริง
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

กำลังหา


ยังมีหลากสรรพสิ่งแทรกตัวอยู่
ยังมีสิ่งนั้นซ้อนกายภาพในโขดหิน
ยังมีดงทิวาราตรีกลางพงพีสงบลึก
ยังมีป่าแสงอาทิตย์ดกเดื่อนเกลื่อนกลางวัน
ยังมีทะเลแสงจันทร์ซัดซ่าไล่ความมืดมิดคืนวัน
โอ้ว่าเอยเจ้าดอกจำปาเจ้าเอยตัวข้า
ตัวน้อนนิดสถิตย์กลางภาพจิต
รับรู้อาการเพรี้ยงพร้ำลำทำนอง
บัดนี้ข้าหลงทางสุนทรีย์
สรรพสิ่งมีความงามหลากรส
พร่ำเพล้อคำนวณฝันแม้ยามตื่น
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

Tuesday, November 07, 2006

คนบ้าปลูกต้นไม้



http://olddreamz.com


ท่ามกลางความสูญสลายของมนุษย์

ชายไม่ประสงค์แจ้งเกิดยินดีในสรรเสริญ

หากแต่มากล้นติฉินนินทาว่า คนบ้าปลูกต้นไม้

ชาวบ้าน บ้าน บาน ชาวบ้าน บ้าน บาน

ในวันคืนและเวลาไม่ใช่ใคร

ชายบ้า... ได้มุทะลุกลางแดดจนเย็นย่ำ

ภาระกิจไม่มีคำคำบัญชา จากใคร

สองมือหย่อนหยอดเมล็ดพันธุ์ไม้งามบนแผ่นดิน

แม้น้อยนิดแต่มหาศาลความบริสุทธิ์

ปาดป้ายแรงกายด้วยจิตผลิกดินให้ชุ่มเย็น
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

สีดากับทุ่งกุลา





ทุกฤดูกาลสัจธรรมบนสัจธรรม


ความหนาวเหน็บอาระธรรมมนุษย์ล้นรัก


ฉันยืนอยู่ท่ามกลางน้ำค้างขาวสายลมโบกโปรยวิ่นว่อน


หมู่เม็ดดวงดาวพร่างพราวล่องเด่นกลางฟ้าโปร่ง


ดัชนีชี้ขาดไร้วิวรณ์ ข้าหลงสัญจรไร้ทิศทาง


กระจุกเสียงเรไรกึกก้องแวกแหกกลางพงพี


เจ้าหญิงความงามดวงใจไกล้สลายกลางทุ่งกุลา


หนาวพี่หนาว ค่ำคืนเดือนดาวพิลี่พิไล กอดหัวใจ


โอ้เจ้าเจ้าดวงฤดีที่รัก รักคิดถึงความรักไม่ต้องรินน้ำตา


หัวใจเจ้านางสีดาแหรกสลายกลางทุ่งกุลา


หัวใจเจ้านางสีดาแหรกสลายกลางทุ่งกุลา


ฤดูกาลวกเวียน ความรักเจ้าสีดาเงียบสนิท


เหตุใดเจ้าจึงแปรไป ล้นรัก
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut


ฉันเป็นกวี

ฉันจะเป็นกวี
ฉันเข้าไกล้กวี
ฉันจึงเป็นกวี
ฉันเป็นกวี
ฉันคือกวี
กวี คือ สิ่งเป็นอยู่ของฉัน
กวีขยายม่านตาของฉัน
บ่อยครั้งม่านตาของฉันไกล้ตาย
เพราะกวีฉันจึงเลิกล้มความพ่ายแพ้
กวีขยายม่านตาให้ฉัน
ไม่ขังความรักไว้ที่วัตถุ
หากม่านตาฉันสลาย
เป็นเพราะกวีหมดลมหายใจ
กวีเป็นอะไร
ฉันไม่คิดจะถอย
ฉันไม่เคยคิดจะหนี
ฉันไม่เคยคิดจะอยู่
ฉันไม่เคยคิดจะนิ่งเฉย
ฉันไม่กลัวไม่เกล้า
ฉันเป็นกวี
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

Sunday, November 05, 2006

เจ้ามะใจดวงฤดี






มะเอยมะใจของใครลอยไกล




ฝากฝั่งกระจานห้าวหาญสุดขีด




มะเอยมะใคร่ของหอมใจถวิน




จะเด็ดเด็ดดอมหอมดมเจ้าจอมจำปี




มิอุบาทษ์จะคราดมะแหรกมะลาน




ฉุดขย้ำก่ำฉีกเนื้อจิตเลือดใจ








มะเอยมะใจของรักของใคร




ลอยไปติดตมเน่าเหม็นติ๊ดฉึ่ง




แผดบาดแผดบึ้งขมึงหัวใจดำเน่า




เจ้าเอย เจ้าใจติดบ่วงกรรมมาร




ตำแหรกตำลานปนตำบนแห่งหนฝากฟ้าที่ใด




โอ้เจ้าเอย โอ้เจ้ามะใจให้ใครเด็ดดอม




บัวฟ้าเด่นกายกราบไหว้ตราบนาน




ระฆังแง่งง่างฝั่งฟังใจฝากจิตอุ่นรัก








มะเอยมะใจ ละรักจากไกลจะอยู่ได้ ฤ.




นกกระจิบนกกระจอกมีใครมาบอกว่ารักไหมเอย




ใบไม้เขียวสด ใบบางแห้งเหี่ยวกรอบนิจจาเอย




ลอยแล้วลอยถ่องไถลบกบาทวิถี




วิธีวิถีคนขี่เจ้าเยี่ยงธาตุลำบากไหมเอย








มะเอยมะใจของข้าลอยไปสุดเขต




ขีดเขตขีดกรอบวะเวียนวิวกโดดเดี่ยว




ลำเพียงลำพังเจียนพัง มิวอน




เด็ดดวงเด็ดใจขยี้ละเอียดแจกในสายลม




พัดเลยพัดไปพัดไกลแสนไกล




ชายฝั่งเวิ้งน้ำเมฆขาวน้ำใจเขียวใสสดสด




กิ่งก้านงานงามดอกกลิ่นรินหอม




อมรสถานวิมาน ขอจงสถิตโอ้เจ้าดวงมะใจ




ขอเจ้าเอย ขอเจ้ามะใจ ใจเจ้าจงดีได้ไหมฤดี




เจ้ามะใจ




All Rights Reserved.




Copyright©2006 Suppachai Suriyut

สัญญา ต่อน่าสุนทรีย์


โอ้สุนทรีย์ที่รัก

ต่อให้สะลายเป็นผุยผง

ฉันจะตามหามัน

ฉันจะเก็บฝุ่นผงสุนทรีย์กลางแดดร้อน

ฉันจะเก็บละอองสุนทรีย์กลางสายฝน

ฉันจะเก็บสายลมสุนทรีย์กลางพายุฝน

ฉันจะพยายามเก็บมันด้วยหัวใจ

ฉันจะเก็บมันด้วยเนื้อกายจิต

ฉันจะปั้นฝุ่นเหล่านั้นคู่กาลเวลา

ฉันจะตั้งมันไว้ตรงหน้าบ้านของฉัน

ด้วยสัญญาและขอสัญญา


All Rights Reserved.

Copyright©2006 Suppachai Suriyut

ตำนานรัก

ตำนานฤดูใบไม้ร่วง
จดจำภาพแห่งความตาย
ค่ำคืนฝนเทลงมาพรูพร่างพราย
เสียงหลุดหล่นลงพื้นช่างไร้กังวล
เสียใจยิ่งกระไร
ความรักเจ้านกกระเรียน
สละเป็นสละตายต่อกัน
ขอให้รักที่เป็นจริง
ขอความหวังจงเบิกทาง
ขอเจ้าดวงใจนอนแนบซอกปลีกเจ้าทุกค่ำคืน
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

ดวงดอกไม้


ลมแดงแดดบ้าฤดูแล้ง
พื้นแผ่นดินนาข้าวตอดำไหม้
กวาดสายตาเลียผ่านไป
โพ้นฝั่งแสงแดดร้อนแผดพร่าว
ยิ่งสายยิ่งสาดโถมกระหน่ำ
พัดเกลือกกลิ้งผิวกายรู้สึกร้อนแสบ
ฝั่งน้ำด้านซ้ายแห้งแล้งจังหนอ
ว่าแต่เจ้าดวงจำปาฝั่งโน้นขาวสะพรั่ง
เจ้าคงส่งกลิ่นหอมพัดผ่านลม
แล้ง ฤดูใบไม้ลาต้นสู่ดิน
วอนบินข้ามโขงฝากใจรำลึก
โอ้เจ้าจำปามาลาล้านช้าง
ข้าคนจรจากไกลพัดยากหวนกลับ
หอมกลิ่นรินใจข้ารัก
ปลูกผูกพันเกิดรัก
ข้ารัก
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

Saturday, November 04, 2006

ความงามในค่ำคืน

www.ballet.classical
ดื่มดับประทับหนาว
ฉันขับขานกังวานแต่ไร้เสียง
ดวงดาวระยับพร่างพรายไร้แสง
คืนนี้ฉันทักทอความงามเห็นความรัก
คืนนี้ฉันยังโบกโบยกลางแผ่นไม้
กาลเวลาร่ายรำระบำจากไกล
หายใจเพียงแพร่วเบาเช่นเคย
ฉันขอเพียงระบายลงปลายเท้า
ฉันแค่เพียงเดินทางวันที่ฝนตก
ฉันแค่เพียงเดินทางคืนเดือนดับ
ช่างอ้างว้าง ช่างอ้างว้าง กว่าที่เป็น
แสนเงียบเหงา เบาบางไร้หลักที่พักพิง
กระตายน้อยบนดวงจันทร์ ฉันคิดถึงเธอ
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

ฉันคิดถึงความตาย

ใช้ชีวิตที่สิ้นเปลือง
ไม่หยิบหลอกฟูมฟาย
กาหลงโรงที่เส้นโค้งของวันนั้น
หนอนหนึ่งผีเสื้อสอง รักษาเวลาพุดหอมดอกฟ้า
ไม่จำเป็น ไม่จำเป็น เอาฟืนสุมเล้า
ความตายล่องลองในสายลม
เจ้าสาริกาดงแดงหลงฝูง
ค่ำ ค่ำ แล้วไม่ต้องพรากจร วอนแนบหมอนนุ่ม
คงคล้ายคนึงคิดถึงแต่ความตาย
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

Thursday, November 02, 2006

ฉันคิด ฉันจึงเป็น

www.crystalinks.com




เปรตหลงรัก เสพย์เสียง

ดมกลิ่นลิ้มรส แห่งสุขทุกข์เวทนา

น้ำนำพาความงาม กวีนำพาภาษารัก
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

ฉันเป็นอะไร

กลางวัน ฉันกินเสียง
กลางคืน ฉันกินเดือนดาว
บางคราว ฉันกินอากาศ
บางที ฉันกินหนังสือ
บ่อยครั้ง ฉันกินหัวใจตัวเองเป็นอาจารย์
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut

กินความงาม

www.atkinsfarms.com


ฉันกินสีแดงของดอกไม้
ฉันกลืนความน่ารัก
ฉันเก็บดอกสีขาวบานไว้ที่ที่รัก
เท้าของฉันเดินดิน
หูฉันลอยเล่นกลางทะเลฟังเพลงคลื่นลม
9-05-49
All Rights Reserved.
Copyright©2006 Suppachai Suriyut